-
Retirement Planning (การวางแผนเกษียณอายุ)
Retirement Planning (การวางแผนเกษียณอายุ) คือ กระบวนการวางแผนทางการเงินสำหรับช่วงเวลาหลังจากที่เราหยุดทำงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการให้ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวหลังจากเกษียณ การวางแผนเกษียณอายุช่วยให้เรามั่นใจว่าเราจะมีรายได้เพียงพอในการใช้ชีวิตหลังการทำงาน โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งรายได้จากการทำงาน Retirement Planning (การวางแผนเกษียณอายุ) : ขั้นตอนและองค์ประกอบหลัก ตัวอย่างการวางแผนเกษียณอายุ สมมุติว่า: คำนวณจำนวนเงินที่ต้องการหลังเกษียณ: การออมและการลงทุน: การวางแผนเกษียณอายุจึงไม่ใช่แค่การออมเงินเท่านั้น แต่ยังต้องมีการลงทุนที่เหมาะสม การจัดการความเสี่ยง และการวางแผนด้านภาษีและสุขภาพเพื่อให้มีความมั่นคงทางการเงินหลังการเกษียณ บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR
-
Job Evaluation (การประเมินตำแหน่งงาน)
Job Evaluation (การประเมินตำแหน่งงาน) เป็นกระบวนการที่องค์กรใช้ในการประเมินและจัดอันดับค่าของตำแหน่งงานต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้แน่ใจว่าโครงสร้างเงินเดือนและผลประโยชน์ต่าง ๆ นั้นยุติธรรม และสมเหตุสมผล ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดอัตราค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่มีความแตกต่างกันในแง่ของความรับผิดชอบ ความยากของงาน ทักษะที่จำเป็น และความสำคัญของงานนั้น ๆ ต่อองค์กร วัตถุประสงค์ของการประเมินตำแหน่งงาน การประเมินตำแหน่งงานมีวัตถุประสงค์หลัก ๆ ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม โดยสรุปวัตถุประสงค์หลัก ๆ ของการประเมินตำแหน่งงานมีดังนี้: ขั้นตอนในการประเมินตำแหน่งงาน วิธีการประเมินตำแหน่งงาน ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินตำแหน่งงาน ประโยชน์ของการประเมินตำแหน่งงาน ข้อควรพิจารณาในการประเมินตำแหน่งงาน สรุป Job Evaluation (การประเมินตำแหน่งงาน) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทน สร้างโครงสร้างค่าตอบแทนที่เป็นระบบ และสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรขององค์กร บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR
-
Labor Union (สหภาพแรงงาน)
Labor Union (สหภาพแรงงาน) คือ องค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มแรงงานหรือคนทำงานที่มีความประสงค์ที่จะรวมตัวกันเพื่อปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมของสมาชิก เช่น การเจรจาต่อรองเรื่องค่าจ้าง สภาพการทำงาน และสวัสดิการต่างๆ โดยการจัดตั้งสหภาพแรงงานมักจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแรงงานในอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจเดียวกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการทำงานเดี่ยวๆ โครงสร้างของสหภาพแรงงาน สหภาพแรงงานสามารถมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร และวิธีการจัดตั้ง แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีโครงสร้างหลักๆ ดังนี้ บทบาทและหน้าที่ของสหภาพแรงงาน สหภาพแรงงานมีบทบาทที่หลากหลาย ซึ่งไม่จำกัดแค่การเจรจาต่อรอง แต่ยังครอบคลุมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและปลอดภัยให้กับสมาชิก ประเภทของสหภาพแรงงาน หน้าที่หลักของสหภาพแรงงาน สิทธิของสมาชิกในสหภาพแรงงาน สมาชิกของสหภาพแรงงานจะได้รับสิทธิในการ ความสำคัญของสหภาพแรงงาน ข้อดีของการเข้าร่วมสหภาพแรงงาน ข้อเสียของการเข้าร่วมสหภาพแรงงาน การเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน สหภาพแรงงานบางแห่งต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำงานที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น การเติบโตของงานในระบบเศรษฐกิจที่ไม่เป็นทางการ (เช่น งานออนไลน์ หรืองานตามคำสั่ง) ซึ่งทำให้การรวมตัวของแรงงานในลักษณะเดิมอาจไม่เหมาะสมหรือมีประสิทธิภาพเท่าที่เคยเป็นมา บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR
-
Leadership Development – การพัฒนาผู้นำ
การพัฒนาผู้นำ (Leadership Development) เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะของบุคคล เพื่อให้สามารถเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพในองค์กรหรือสังคม โดยการพัฒนาผู้นำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนรู้ทักษะทางวิชาการหรือการฝึกฝนในด้านการจัดการ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาในด้านการสร้างแรงบันดาลใจ การตัดสินใจที่ชาญฉลาด และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ขั้นตอนและองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการพัฒนาผู้นำ วิธีการพัฒนาผู้นำ ประโยชน์ของการพัฒนาผู้นำ ข้อควรระวังในการพัฒนาผู้นำ 1. หลีกเลี่ยงการพัฒนาผู้นำโดยไม่คำนึงถึงบริบท 2. หลีกเลี่ยงการพัฒนาเพียงแค่ทักษะภายนอก 3. การพัฒนาอย่างรวดเร็วหรือไม่เป็นธรรมชาติ 4. การขาดการสนับสนุนจากองค์กรหรือทีม 5. หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบผู้นำกับผู้อื่น 6. การพัฒนาผู้นำที่ขาดการติดตามและประเมินผล 7. การมองข้ามการพัฒนาทักษะในระยะยาว 8. การไม่ยอมรับความล้มเหลว 9. การไม่สร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว สรุป การพัฒนาผู้นำไม่เพียงแค่การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ แต่ยังเป็นการฝึกฝน และประสบการณ์ในบทบาทผู้นำ การมีความรู้ความสามารถในการตัดสินใจ การสื่อสาร การสร้างแรงจูงใจ และการสร้างทีมที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ผู้นำสามารถนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ในระยะยาว บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR
-
Employee Retention – การรักษาพนักงาน
Employee Retention หรือ การรักษาพนักงาน คือกระบวนการที่องค์กรพยายามทำให้พนักงานที่มีศักยภาพและมีทักษะสูงอยู่ทำงานในองค์กรในระยะยาว ไม่ให้ลาออกหรือย้ายไปทำงานที่อื่น การรักษาพนักงานเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับองค์กร เพราะการสูญเสียพนักงานที่มีทักษะหรือประสบการณ์ที่ดีอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน, ผลผลิต, และความต่อเนื่องขององค์กรในระยะยาว Employee Retention – การรักษาพนักงาน การรักษาพนักงานไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสรรหาพนักงานใหม่ แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรโดยการรักษาความรู้และทักษะที่มีอยู่ภายในทีมไว้ ความสำคัญ 1. ลดต้นทุนในการสรรหาพนักงานใหม่ การรักษาพนักงานที่มีความสามารถจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับองค์กร การสรรหาพนักงานใหม่อาจต้องใช้เวลานาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประกาศรับสมัครงานและการสัมภาษณ์ 2. รักษาความรู้และทักษะสำคัญในองค์กร พนักงานที่มีประสบการณ์และทักษะเฉพาะทางช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับองค์กร การรักษาพนักงานช่วยรักษาความรู้ที่สะสมมานาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่จะทดแทนได้ การสูญเสียพนักงานที่มีความรู้และประสบการณ์ในองค์กรอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานและประสิทธิภาพโดยรวม 3. เพิ่มความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงาน การรักษาพนักงานที่ดีช่วยสร้างความพึงพอใจและความผูกพันกับองค์กร เมื่อพนักงานรู้สึกว่าองค์กรใส่ใจและให้คุณค่ากับพวกเขา พวกเขาจะมีแรงจูงใจในการทำงานที่ดีขึ้นและพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับองค์กร 4. ส่งเสริมการพัฒนาและเติบโตขององค์กร พนักงานที่อยู่กับองค์กรนานๆ มักจะพัฒนาทักษะและความรู้ที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กร เมื่อองค์กรสามารถรักษาพนักงานที่มีประสิทธิภาพได้ พวกเขาจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูง 5. เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี การรักษาพนักงานช่วยให้วัฒนธรรมองค์กรมีความเสถียรและสอดคล้องกัน พนักงานที่อยู่ในองค์กรยาวนานจะช่วยรักษาค่านิยมและมาตรฐานการทำงานที่ดี ซึ่งส่งผลให้เกิดความร่วมมือและบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตรและเป็นกันเอง 6. เพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต พนักงานที่อยู่กับองค์กรนานๆ มักจะเข้าใจวิธีการทำงานและกระบวนการภายในองค์กรอย่างลึกซึ้ง ซึ่งทำให้พวกเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น ผลลัพธ์คือองค์กรจะสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและมีผลผลิตสูงขึ้น 7. เสริมความสามารถในการแข่งขัน องค์กรที่สามารถรักษาพนักงานที่มีศักยภาพไว้ได้ จะสามารถมีทีมงานที่แข็งแกร่งและมีความรู้ความสามารถที่พร้อมแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น…
-
Employee Well-being – ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
Employee Well-being (ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน) คือการดูแลสุขภาพและความสุขของพนักงานทั้งในด้านกายและใจ รวมถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและความพึงพอใจในงานของพนักงานในระยะยาว โดยจะมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้านหลัก ๆ ได้แก่ 1. สุขภาพกาย (Physical Well-being) การดูแลสุขภาพกายของพนักงานนั้นมีความสำคัญอย่างมาก โดยที่องค์กรสามารถให้การสนับสนุนได้หลายทาง เช่น 2. สุขภาพจิต (Mental Well-being) สุขภาพจิตเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญในการดูแลพนักงาน เนื่องจากมันมีผลต่อความสามารถในการทำงานและความสุขโดยรวม การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตอาจรวมถึง 3. ความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-life Balance) การให้พนักงานสามารถจัดสรรเวลาได้ระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวคือปัจจัยสำคัญในการรักษาความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งสามารถทำได้โดย 4. สภาพแวดล้อมการทำงาน (Work Environment) สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสุขของพนักงานได้มาก องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีได้โดย 5. การพัฒนาอาชีพ (Career Development) การสนับสนุนการพัฒนาตนเองในสายอาชีพเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความพึงพอใจในการทำงานและการรักษาพนักงานที่มีคุณภาพ องค์กรสามารถส่งเสริมการพัฒนาอาชีพได้โดย 6. การสนับสนุนด้านการเงิน (Financial Well-being) การดูแลด้านการเงินของพนักงานก็เป็นส่วนสำคัญในความเป็นอยู่ที่ดี โดยการช่วยเหลือด้านการเงินจะช่วยลดความเครียดในชีวิตของพนักงาน องค์กรสามารถทำได้โดย ประโยชน์ของการส่งเสริม Employee Well-being ข้อควรระวังในการส่งเสริม Employee Well-being…
-
Workforce Planning – การวางแผนทรัพยากรมนุษย์
Workforce Planning หรือ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ คือกระบวนการในการวางแผนและจัดการบุคลากรในองค์กรให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจในระยะยาว การวางแผนทรัพยากรมนุษย์เป็นการวิเคราะห์และทำนายความต้องการของบุคลากรในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นจำนวน, ทักษะ, และประเภทของพนักงานที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จในอนาคต การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการสรรหาพนักงานใหม่ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาพนักงานที่มีอยู่แล้วให้สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรได้ เช่น การฝึกอบรม, การพัฒนาทักษะ, การวางแผนการสืบทอดตำแหน่ง, หรือการจัดการกับการลาออกของพนักงานที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร ความสำคัญของ Workforce Planning ขั้นตอนในการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ (Workforce Planning) ตัวอย่างการใช้ Workforce Planning ในองค์กร กรณีศึกษา: บริษัทผลิตสินค้าเทคโนโลยี ปัญหา:บริษัทผลิตสินค้าเทคโนโลยีที่มีแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศต้องการเพิ่มทีมงานใหม่ทั้งในฝ่ายการตลาด, การขาย, และการสนับสนุนลูกค้า แต่ไม่แน่ใจว่าจะสรรหาคนที่มีทักษะที่เหมาะสมในตลาดหรือไม่ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์: สรุป Workforce Planning เป็นกระบวนการที่สำคัญในการช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวางแผนให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร การประเมินบุคลากรที่มีอยู่และการทำนายช่องว่างของทักษะ จะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและสรรหาบุคลากรได้ตามที่ต้องการเพื่อเสริมสร้างความสำเร็จในระยะยาว บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR
-
HR Analytics – การวิเคราะห์ข้อมูลของทรัพยากรมนุษย์
HR Analytics หรือ การวิเคราะห์ข้อมูลของทรัพยากรมนุษย์ คือกระบวนการใช้ข้อมูลและเทคนิคในการวิเคราะห์เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในงานด้านทรัพยากรมนุษย์ (HR) โดยการใช้ข้อมูลจากพนักงานและกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน, การจัดการบุคลากร, การรักษาพนักงาน, การสรรหาบุคลากร, และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร HR Analytics มีการใช้เครื่องมือทางสถิติและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับและมองเห็นแนวโน้มและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการบริหารจัดการพนักงาน ประเภทของ HR Analytics การวิเคราะห์ข้อมูลของทรัพยากรมนุษย์ กระบวนการในการใช้ HR Analytics ตัวอย่างการใช้ HR Analytics ในการพัฒนาองค์กร 1. การลดอัตราการลาออกของพนักงาน 2. การเพิ่มประสิทธิภาพในการสรรหาพนักงาน 3. การพัฒนาผู้จัดการ สรุป HR Analytics เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์เป็นไปอย่างมีข้อมูลรองรับและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการตัดสินใจในการสรรหาพนักงาน, การรักษาพนักงาน, การพัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน รวมถึงการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร การใช้ HR Analytics จะช่วยให้ HR สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและปรับกลยุทธ์การบริหารงานได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ทาง HR บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HR
-
Work-Life Balance – การรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
การรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) คือ แนวทางหรือวิธีการที่บุคคลใช้ในการจัดการเวลาและพลังงานของตนเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็สามารถใช้เวลาในชีวิตส่วนตัวได้อย่างเพียงพอเพื่อรักษาความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของตนเอง และครอบครัว การรักษาสมดุลนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลรู้สึกเครียดจากงานเกินไป หรือสูญเสียความสุขในชีวิตส่วนตัว องค์ประกอบของการรักษาสมดุล การรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวประกอบด้วยหลายปัจจัยที่สำคัญ เช่น 1. การจัดการเวลา (Time Management) การจัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานและชีวิตส่วนตัว โดยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและใช้วิธีการต่างๆ เช่น การใช้ปฏิทินหรือแอปพลิเคชันเพื่อกำหนดลำดับความสำคัญของกิจกรรมต่างๆ ช่วยให้สามารถควบคุมเวลาและลดความเครียดจากการทำงานที่อาจจะสะสม. 2. การตั้งขอบเขตที่ชัดเจน (Setting Boundaries) การกำหนดขอบเขตระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการทับซ้อนกัน เช่น การกำหนดเวลาในการทำงานและเวลาพักผ่อนให้ชัดเจน โดยไม่ทำงานเกินเวลาหรือพยายามไม่คิดถึงงานในเวลาพักผ่อน. 3. การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ (Physical and Mental Health) การให้ความสำคัญกับการดูแลร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสมดุล ตัวอย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนที่เพียงพอ การฝึกสมาธิ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เพื่อให้มีพลังในการทำงานและใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างมีคุณภาพ. 4. การทำงานที่มีความยืดหยุ่น (Flexible Work Arrangements) การมีทางเลือกในการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การทำงานจากที่บ้าน หรือการทำงานในเวลาที่สะดวกสบาย สามารถช่วยให้ผู้คนสามารถจัดการระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น ซึ่งมักจะช่วยลดความเครียดจากการเดินทางหรือการต้องทำงานในเวลาที่ไม่เหมาะสม. 5. การให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์…
-
360-Degree Feedback – การให้ข้อเสนอแนะแบบรอบด้าน
360-Degree Feedback หรือการให้ข้อเสนอแนะแบบรอบด้าน เป็นกระบวนการที่ใช้ในการประเมินและพัฒนาผู้บุคคล โดยการขอความคิดเห็นจากหลายแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือแม้แต่ตนเอง ซึ่งช่วยให้ได้มุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับพฤติกรรม การทำงาน และทักษะของบุคคลนั้น ๆ การให้ข้อเสนอแนะแบบรอบด้านนี้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการพัฒนาตัวบุคคลให้มีศักยภาพที่สูงขึ้นในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร การเป็นผู้นำ และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ขั้นตอนการดำเนินการ 1. กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย 2. เลือกผู้ประเมิน 3. ออกแบบเครื่องมือการประเมิน 4. การเก็บข้อมูล 5. การวิเคราะห์ข้อมูล 6. การจัดทำรายงานผลการประเมิน 7. การให้ข้อเสนอแนะแก่พนักงาน 8. การสร้างแผนพัฒนาส่วนบุคคล (Individual Development Plan) 9. การติดตามผล 10. การปรับปรุงกระบวนการ ตัวอย่างการใช้ ตัวอย่าง 1: พนักงานในองค์กร สมมติว่า “พิมพ์” เป็นผู้จัดการในองค์กรและได้รับการประเมินด้วย 360-Degree Feedback จากทีมงานของเธอ รวมถึงผู้บังคับบัญชาและตนเองในการประเมินการทำงาน จากข้อเสนอแนะเหล่านี้…